ยิ่งเรามีอายุมากขึ้น ริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ก็ยิ่งมองเห็นได้เด่นชัด มาขจัดปัญหากวนใจด้วยนวัตกรรม Botox ซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก มหัศจรรย์แห่งความอ่อนเยาว์ ที่มาพร้อมใบหน้าเรียวสวยกระจ่างใสเกิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องอาศัยการศัลยกรรมหรือผ่าตัดใหญ่ Botox มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีความปลอดภัยกับตัวเราแค่ไหน เรามีคำตอบที่น่าสนใจสำหรับคุณ
ฉีด Botox เพื่ออะไร
โบท๊อกซ์ (Botox) หรือ Botulinum toxin เป็นสารที่เกิดจากแบคทีเรียที่ไปลดการทำงานของระบบประสาทของกล้ามเนื้อ เมื่อโบท็อกซ์จับกับปลายประสาท สัญญานกระตุ้นการหดตัวจะไม่มีผล กล้ามเนื้อของเราจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆ จะค่อยๆ เนียนเรียบขึ้นกว่าเดิม มีความกระจ่างใสมากขึ้น ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ ช่วยลดรอยตีนกาบริเวณหางตา หากฉีดบริเวณกรามก็จะช่วยให้ลดกล้ามเนื้อให้มีขนาดเล็กลง รูปหน้าของคุณจึงเรียวเล็กสวยมากขึ้น สามารถช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อบริเวณบนคิ้วที่อาจไม่เท่ากัน และฉีด Botox เพื่อลดขนาดน่องได้ด้วย
สำหรับการนำมารักษาเพื่อลดเลือนริ้วรอย จากการทำงานของกล้ามเนื้อในการแสดงสีหน้านั้น การฉีด Botox นับว่าเป็นวิธีที่ตรงประเด็น แก้ไขที่สาเหตุหลักของริ้วรอยดังกล่าวโดยตรง เพียงคุณเลือกใช้ Botox ของแท้และฉีดในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งจะต้องทำการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้น
สำหรับผู้ที่ปราถนาปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวสวย ลดเลือนริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าให้กลับมาดูอ่อนเยาว์เต่งตึงอีกครั้ง สามารถเข้ามารับคำปรึกษากับทีมแพทย์มากประสบการณ์ได้ที่ ยศการ คลินิก เพื่อรับคำแนะนำการฉีด Botox ที่ถูกต้อง พร้อมช่วยแก้ไขข้อบกพร่องบนใบหน้าของคุณได้อย่างตรงจุด
ตัวอย่างรีวิวผลการรักษาด้วย Botox
คุณสมบัติเด่นของ Botox มีอะไรบ้าง
- Botox ช่วยปรับรูปหน้าของคุณเรียวสวย ยกกระชับ ช่วยลดกรามและโหนกแก้มลงได้โดยไม่ต้องศัลยกรรม
- Botox ลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่นต่างๆ บนใบหน้า เช่น หน้าผาก หางตา ใต้ตา ร่องแก้ม มุมปาก ทำให้ใบหน้าดูเด็กลง
- สามารถฉีด Botox เพื่อปรับความสูง-ต่ำ ของคิ้วให้เท่ากัน
- ฉีด Botox ที่บริเวณคิ้วเพื่อช่วยให้ตาของคุณดูโตขึ้น
- การฉีด Botox บริเวณรักแร้จะช่วยลดเหงื่อและกลิ่นตัวลงได้
- ช่วยยกกระชับทรวงอก ด้วยการฉีด Botox รอบๆ เต้านม จะทำให้กล้ามเนื้อเล็กๆ ในผิวหนังและเนื้อเยื่อเกิดการหดตัว ทำให้ผิวหนังเต่งตึงขึ้น ดูราบเรียบขึ้น ทรวงอกจึงยกกระชับขึ้นได้
- ลดขนาดน่องให้เล็กลง ช่วยทำให้น่องขาของคุณเรียวสวยขึ้น ซึ่งในการฉีด Botox น่อง จะทำการฉีดคลายกล้ามเนื้อ Gastrocnemius เพียงแค่บางส่วนเท่านั้น และในการยืนเดินจะมีกล้ามเนื้ออื่นๆ มาช่วยพยุงด้วยจึงไม่มีผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน
- คุณสมบัติของ Botox ช่วยทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสขึ้นด้วย
Botox ปลอดภัยหรือไม่ ควรเลือกฉีดที่ไหน?
Botox หน้าเรียวเป็นยาชนิดแรกที่มีการขึ้นทะเบียนในการรักษาริ้วรอย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ทั้งของไทยและของสหรัฐอเมริกา มีการใช้ Botox อย่างแพร่หลายมานานเกือบยี่สิบปี โดยมีการศึกษาวิจัยจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงามสหรัฐอเมริกา ในเรื่องของความปลอดภัยและผลลัพธ์ในการรักษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าการฉีด Botox นี้เป็นการรักษาด้านเวชสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ หากคำนึงถึงหลักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ Botox ก็เปรียบเสมือนวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ ซึ่งผลิตจากแบคทีเรียที่เลือกสกัดเฉพาะส่วนดี นำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ โดย Botox ไม่มีพิษภัยใดๆ จากเชื้อโรคหรือมีผลข้างเคียงเล็กน้อย คุ้มค่ามากพอกับประโยชน์ที่นำมาใช้
การฉีด Botox นั้นจำเป็นต้องทำการรักษาโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เมื่อคุณได้รับการฉีด Botox อย่างถูกวิธี นอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งหรือเกร็งแล้ว คุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะ Botox จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หากฉีด Botox ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานของกล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ โดยเลือกสถานบริการที่น่าเชื่อถือมีใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้อง และให้การรักษาด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คุณวางใจเท่านั้น ก็จะบรรเทาความกังวลใจไปได้มาก
ยศการ คลินิก เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี จะช่วยวิเคราะห์และแก้ไขจุดบกพร่องบนใบหน้าของคุณได้อย่างถูกต้อง ทางคลินิกได้คัดสรรสารบริสุทธิ์ Botulinum Toxin Type A (Botox )ที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ว่ามีความปลอดภัยสูง คุณจึงไว้วางใจได้ว่าจะสวยเป๊ะปังอย่างปลอดภัย
บริเวณที่นิยมฉีด Botox
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในบริเวณที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่น
- หน้าผาก
- หางตา
- หว่างคิ้ว
- ริ้วรอยที่เกิดจากการยิ้มบริเวณรอบดวงตา
- ในส่วนของริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยรอบริมฝีปาก
- ริ้วรอยที่คอหรือคาง
- ฉีดเพื่อปรับรูปหน้า ซึ่งบริเวณแนวขากรรไกรและแก้มเป็นบริเวณที่นิยมฉีดมากที่สุดเพื่อปรับใบหน้าให้ดูเรียวขึ้น
- รอบเต้านม
- น่อง
ควรฉีด Botox บ่อยแค่ไหน
โดยทั่วไปผลของการฉีด Botox จะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด สำหรับกรามจะฉีด Botox ทุก 6 เดือน ถ้าเล็กลงเรื่อยๆ อาจเป็นปีได้ และถ้าฉีดไปหลายครั้งแล้วอาจเล็กจนไม่ต้องฉีดไปหลายปีได้
สาร Botox ออกฤทธิ์เร็วแค่ไหน
สาร Botox จะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากที่ฉีดไปแล้วประมาณ 2-3 วัน และเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วงที่ฉีดไปแล้วประมาณ 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล รวมไปถึงขนาดของยาที่ฉีดเข้าไปและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย
ริ้วรอยจะเพิ่มขึ้นหรือไม่หากหยุดฉีด Botox
ในช่วง 3-6 เดือนแรกหลังจากฉีด Botox ริ้วรอยในบริเวณที่ทำจะไม่เพิ่มขึ้น แต่หลังจากนั้นสาร Botox จะสลายตัวไป หากไม่ฉีดต่อเนื่อง ริ้วรอยของคุณจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนทำ Botox ทั้งนี้ ถ้าฉีดไปเรื่อยๆ กล้ามเนื้อที่เราต้องการให้ยุบจะค่อยๆ ฝ่อลงเรื่อยๆ และจะคลายตัวได้นานยิ่งขึ้น และดูอ่อนเยาว์ลงอีกด้วย
ผลข้างเคียงจากการฉีด Botox มีหรือไม่
จากการศึกษายังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงถาวรของการฉีด Botox ยกเว้นในกรณีที่ฉีดของปลอม หรือ Botox ที่ไม่มีคุณภาพและใช้บริการจากหมอกระเป๋า อาจมีบางในกรณีพบรอยรอยช้ำเล็กน้อย หรือปวดศีรษะ แต่อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และหายไปได้เอง
อย่างไรก็ตาม บางครั้งหากเกิดผลข้างเคียงใดๆ ขึ้น เช่น คิ้วโก่งหรือคิ้วยกสูงมากเกินไป ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อปรับให้ได้ผลที่คุณพอใจ
เรื่องที่คุณต้องรู้ ก่อนฉีด Botox
- ไม่ควรใช้ของปลอมเพราะมันอันตรายมาก ควรเลือกใช้ Botox ของแท้เท่านั้น วิธีตรวจสอบทำได้ไม่ยาก เพราะการเข้าไปรับคำปรึกษาจากแพทย์ ก็จะแนะนำผลิตภัณฑ์อยู่แล้วว่าใช้ Botox ตัวไหน มีคุณสมบัติอย่างไร ราคาเท่าไหร่ วิธีใช้อย่างไร ให้เราสังเกตว่ามีเลข อย.หรือไม่ เวลาฉีดก็ควรให้คุณหมอแกะกล่องและผสมต่อหน้า
- การผสมน้ำเกลือ เพราะ Botox เป็นแบบสุญญากาศ แห้งไม่มีน้ำ เวลาใช้ต้องใส่น้ำเกลือลงไปละลายจึงจะดูดออกมาฉีดได้ ทั้งนี้ หากผสมน้ำเกลือที่มีการเจือจางมากเกินไป จะส่งผลทำให้ Botox ไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร
- ความเข้มข้นของการผสมน้ำเกลือที่เหมาะสม คือ น้ำเกลือ 2.6 ซีซี ต่อ Botox 100 ยูนิต ในขณะที่แพทย์กำลังจะฉีด Botox คุณควรแจ้งให้แพทย์ช่วยผสมน้ำเกลือต่อหน้า เพราะเราจะได้ทราบว่าแพทย์ผสม เข้มข้นหรือเจือจาง
- เทคนิคการฉีด Botox ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินกล้ามเนื้อที่จะฉีด ว่าจุดไหนความลึกเท่าไร หมายถึง จุดที่เซลล์เส้นประสาทมาเกาะกล้ามเนื้อ ถ้าฉีดไม่ตรงจุด ก็จะได้ผลเหมือนกัน แต่เห็นผลช้าและอยู่ได้สั้นลง เพราะต้องรอ Botox แพร่กระจายจากจุดที่ฉีดมายังปลายเซลล์ประสาท
- ไม่ควรฉีด Botox ต่อครั้งมากเกินไปหรือน้อยเกินไป การฉีด Botox ต่อครั้งไม่ควรใช้เกิน 300 ยูนิต ซึ่งร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานได้ง่าย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากใช้น้อยเกินไปจะทำให้หมดฤทธิ์ไวต้องกลับมาฉีดซ้ำบ่อยๆ ส่วนแต่ละจุดจะใช้กี่ยูนิตทางแพทย์จะเป็นผู้ประเมินความเหมาะสม
ใครบ้างที่ไม่สามารถฉีด Botox ได้
- คนที่มีปัญหาเรื่อง โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง เพราะอาจเกิดอันตรายได้
- คนที่มีปัญหาเรื่อง กล้ามเนื้อในการกลืน
- คนที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงต่างๆ เช่น
– amyotrophic lateral sclerosis (ALS)
– Lou Gehrig’s disease
– myasthenia gravis
– Lambert-Eaton syndrome
- มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนังในจุดที่จะฉีดโบท็อก
- มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือ มีภาวะติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่ห้ามเข้ารับการฉีด Botox โดยเด็ดขาด
การเตรียมตัว และข้อห้ามก่อนการฉีด Botox
- ต้องตรวจเช็คร่างกายตนเองก่อนว่าคุณมีความพร้อมที่จะเข้ารับการฉีด Botox แค่ไหน เช่น ตัวคุณนั้นต้องไม่มีโรคประจำตัว ถ้ามีต้องปรึกษาแพทย์ก่อนว่าเป็นโรคนี้จะฉีดได้หรือไม่
- ก่อนฉีด Botox ควรงดการดื่มแอลกอฮอลล์ล่วงหน้าประมาณ 1 วัน เพราะจะทำให้บวมง่าย
- ควรหยุดทานอาหารเสริมประเภทวิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือสมุนไพรที่ทำให้ร่างกายร้อนประมาณ 2-3 วันก่อนฉีด Botox
- งดการรับประทานยาประเภทแอสไพริน และยาปฏิชีวนะก่อนการฉีด Botox 1 สัปดาห์
การดูแลตัวเองหลังฉีด Botox เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
- หลังฉีด Botox ทันที ไม่ควรจับ ลูบคลำ หรือนวดบริเวณที่ฉีด เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของตัวยา
- ภายใน 4 ชั่วโมง หลังฉีด Botox ใหม่ๆ ยังไม่ควรไปนอนราบ หรือนอนตะแคง เพราะในช่วง 4 ชั่วโมงแรก เป็นช่วงการซึมของยาเข้ากล้ามเนื้อ ถ้านอนตะแคงจะทำให้การกระจายตัวของยาผิดจากตำแหน่งที่แพทย์คาดการณ์ไว้ได้ เมื่อเลย 4 ชั่วโมงไปแล้ว สามารถนอน หรือตะแคงได้ตามปกติ
- ภายใน 4 ชั่วโมงแรก หลังฉีด Botox มีความสำคัญมากๆ ต้องบริหารกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อที่ต้องการให้ออกฤทธิ์มากที่สุด เช่น ฉีดหางตา ควรยิ้มบ่อยๆ ฉีดหน้าผากควรยักคิ้วบ่อยๆ หรือฉีดกรามควรเคี้ยวหมากฝรั่ง 15-30 นาที หรือ 4 ชั่วโมง ตามดุลยพินิจแพทย์
- ภายใน 2 สัปดาห์แรก ควรงดการเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ยิงเลเซอร์ ทำ RF หรือ ไอออนโตที่ใบหน้า เพราะความร้อนเฉพาะจุดเป็นเวลานานอาจส่งผลต่อ Botox ได้ ใน 2 สัปดาห์แรกความร้อนที่สามารถโดนได้คือ ไดร์เป่าผม อาบน้ำอุ่น (งดบริเวณที่ฉีด Botox) และโดนแสงแดดที่ไม่แรงจ้าเกินไปได้ตามปกติ
- หลังฉีด Botox สามารถแต่งหน้า ทาแป้ง ทาครีมได้ตามปกติ เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ คุณสามารถทำทรีตเม้นท์ได้ตามปกติ (ยกเว้น Laser, RF และไอออนโตต้องรอ 2 สัปดาห์)
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารที่มีเนื้อแข็งๆ หรือเหนียวๆ ที่เคี้ยวยาก เช่น น้ำแข็ง ซี่โครง กระดูกอ่อน ข้าวเหนียว หมากฝรั่ง เป็นต้น การเคี้ยวสิ่งเหล่านี้มากๆ จะเสมือนเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อบริเวณกรามเกิดการทำงานมากขึ้น ทำให้มีโอกาสกลับมามีขนาดใหญ่เหมือนเดิมได้อีก
- ช่วงหลังฉีด Botox 2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่งลู่ ปั่นจักรยาน
- ห้ามรับประทานและห้ามทำสิ่งต่อไปนี้ หลังจากฉีด Botox14 วัน
– ห้ามรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ด รสจัด ทำให้แสบๆ ร้อน
– ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด
– ห้ามสูบบุหรี่เพราะสารในบุหรี่จะทำให้ขยายหลอดเลือด
– ห้ามรับประทานอาหารที่ต้องกินร้อนๆ หน้าเตา เช่น อาหารปิ้งย่าง
– ห้ามรับประทานอาหารหมักดอง
ตำแหน่งใดบ้าง ที่ไม่ควรฉีด Botox
- หางคิ้วด้านนอก เนื่องจากในบริเวณนี้จะมีเส้นประสาทที่ทำหน้าที่ในการยักคิ้ว ในกรณีที่เราฉีด Botox เข้าไป จะทำให้ส่วนนั้นถูกใช้งานได้น้อยลง ผลที่ตามมาก็คือ จะทำให้หางคิ้วหล่น ซึ่งจะทำให้เราดูหน้าเศร้าตลอดเวลา
- บริเวณเปลือกตา เพราะจะมีเส้นประสาทในส่วนของการกระพริบตา ซึ่งบอกเลยว่าอันตรายมาก เพราะอาจจะทำให้ตาตก ดังนั้น จุดนี้ เป็นจุดที่ควรระวังมากที่สุด
- มุมปาก หรือบริเวณรอบแก้ม จุดๆ นี้จะมีกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้ม ยิ้มส่วนบน คือ ร่องแก้ม ยิ้มอีกส่วนนึงคือมุมปาก ในกรณีที่ฉีด Botox ไปจะมีโอกาสทำให้ปากตก ทำให้หน้าของเราบึ้งตลอดเวลา